วันอังคารที่ 3 มีนาคม พ.ศ. 2558

ประวัติวัดอัมพวันเจติยาราม (ตอนที่ ๙)



พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น  ประสูติเมื่อวันที่ ๓๑ มีนาคม พ.ศ. ๒๓๓๐  หลังจากสร้างกรุงเทพฯ ได้ ๕ ปี ในระยะเวลาดังกล่าวนี้ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกยังทรงพระชนม์ชีพอยู่  และยังมีพระชนม์ชีพอยู่ต่อมาอีกนาน สวรรคตในปีพ.ศ. ๒๓๕๒  สมเด็จพระอมรินทรามาตย์ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ต่อมาจนถึงพ.ศ. ๒๓๖๙ จึงสวรรคต ทั้งสองพระองค์นี้เป็นพระอัยกา อัยกีของพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว

  พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย  ก็ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่จนถึงพ.ศ. ๒๓๖๗   สมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินีในรัชกาลที่ ๓  ก็ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ต่อมาจนถึง พ.ศ.๒๓๗๙  นอกนั้นเจ้าคุณพระอัยยิกาในราชินิกุลบางช้างก็ยังมีชีวิตอยู่หลายท่าน  แม้แต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งประสูติภายหลังคือ เมื่อวันที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๓๔๗  ยังได้ทันทรงพบพระประยูรญาติชั้นผู้ใหญ่เกือบหมดทุกพระองค์  ดังได้ทรงรับสั่งเล่าพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า "เมื่อหน้าสงกรานต์ ท่านพวกคุณย่าเหล่านี้มาประชุมกันที่ตำหนักกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์  ขึ้นนั่งบนเตียงอันหนึ่งด้วยกันท้ังหมด  เจ้านายที่เป็นหลานๆได้พากันไปตักน้ำรด ท่านได้เสด็จไปรดน้ำด้วย  แลเห็นหลังคุณย่าทั้งปวงลายๆเหมือนกัน เป็นการประหลาดจึงรับสั่งถามว่า ทำไมหลังคุณย่าทั้งปวงจึงลายหมดเช่นนี้  คุณย่าทั้งนั้นทูลว่าขุนหลวงตากเฆี่ยน  แล้วก็เล่าเรื่องแผ่นดินตากถวาย" นี่แสดงว่าพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งประสูติภายหลังพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวถึง ๑๗ ปียังทรงได้พบพระประยูรญาติทางฝ่ายราชินิกุลบางช้าง  รวมท้ังสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ซึ่งเป็นสมเด็จย่าโดยตรงด้วย
ฉนั้นการที่เราจะนึกเอาเองว่า  พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จะไม่ทรงทราบว่าพระตำหนักเดิมของสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ซึ่งเป็นสมเด็จย่าแท้ๆของพระองค์ว่าอยู่ตรงไหน  และจะไม่ทรงทราบว่า  พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ซึ่งเป็นสมเด็จพระบรมราชบิดาของพระองค์ว่าประสูติที่ตำหนักไหน  ตรงไหนนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้  โดยสามัญสำนึกแล้วสมเด็จย่าจะต้องทูลเล่าให้ "หลานย่า"ฟังบ้างเป็นแน่ว่า สมเด็จพระบรมราชบิดาประสูติที่ไหน  เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงทราบว่า  สมเด็จพระบรมราชบิดาประสูติที่ไหนเช่นนี้แล้ว  การสร้างพระปรางค์สำหรับบรรจุพระสรีรังคารธาตุของสมเด็จพระบรมชนกนาถ  จึงจำเป็นจะต้องเจาะจงสร้างลงตรงสถานที่ประสูติของสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยนั้นเอง  โดยสามัญสำนึกแล้วไม่ควรสร้างที่อื่น

ที่มีกล่าวแย้งไว้ในที่บางแห่งว่า  พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก  ทรงพาสมเด็จพระอมรินทรามาตย์หลบภัยพม่าข้าศึก  ไปในสุมทุมพุ่มไม้รกชัฎ  ณ หลังวัดจุฬามณี  แล้วทรงมีพระประสูติกาลสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย  ณ สถานที่นั้น ดูออกจะเป็นเรื่องเลื่อนลอยเต็มที ทำนองจะเกณฑ์ให้พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ไปประสูติเสียในป่าให้ได้  แต่ยังมีแถมท้ายว่าสถานที่ประสูตินั้นเรียกว่า "วังต้นจันทน์" ทำเป็นที่จะชักนิยายเข้าเรื่องที่พระพุทธเจ้าประสูติใต้ต้นรัง  แล้วก็จะเกณฑ์ให้พระพุทธเลิศหล้านภาลัย ประสูติเสียใต้ต้นจันทน์ฉนั้น  จะเห็นว่าชื่อ "พุทธ-พุทธ" เหมือนกันหรืออย่างไรก็ไม่ทราบ  ถ้าหากว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยประสูติที่ใต้ต้นจันทน์จริง ก็ไม่เห็นจะเสื่อมเสียพระเกียรติยศที่ตรงไหน

 แต่ข้อเท็จจริงไม่ใช่เช่นนั้น  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น