ตอนที่ ๔
ปัญหาที่ว่าวัดอัมพวันเจติยารามสร้างเมื่อไร ใครสร้างแน่ สมเด็จพระรูปฯ หรือสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ เราจะเชื่อตามคำเขาเล่าว่า "จระเข้มาที่ท่าน้ำ" ก็เป็นเรื่องเลื่อนลอยเต็มที เข้าทำนอง "พระอินทร์มาเขียวๆ ไม่เชื่อเลย" จำเป็นจะต้องยึดหลักฐานจากที่ท่านจดบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษรก่อน
หลักฐานจากที่มีอยู่ในบัดนี้ก็มีเพียงสมัยรัชกาลที่ ๕ ยังไม่พบหลักฐานที่เก่าขึ้นไปกว่านี้เลย แต่หลักฐานที่ขนาดของเจ้าพระยาเสนาบดีกระทรวงธรรมการได้มานั้นย่อมจะเป็นที่น่าเชื่อถือได้ ท่านเป็นผู้มีหน้าที่เกี่ยวข้องอยู่กับวัดวาอารามมาก มีบริวารมาก รู้จักคนมากทั้งพระภิกษุผู้ใหญ่และเจ้านายผู้มีอาวุโสสูง ตัวท่านเองก็สืบสายตระกูลมาแต่ราชวงศ์จักรี ่ย่อมมีทางที่จะสืบสวนข้อเท็จจริงในทางพระราชพงศาวดารและโบราณคดีได้โดยง่าย เราไม่เชื่อท่านก็ไม่ทราบว่าจะไปเชื่อใคร ตำนานวัดหลวงที่ท่านเรียบเรียงไว้ ๑๑๕ วัด ก็ล้วนมีข้อความถูกต้องตามประวัติที่ทราบกันอยู่ทั่วไปทั้งสิ้น เราจะไม่เชื่อเฉพาะที่กล่าวถึงวัดอัมพวันก็ดูกระไรอยู่ นอกจากนั้นท่านยังได้ทูลเกล้าฯถวายในหลวงรัชกาลที ๕ ทรงตรวจด้วย
พูดถึงพระบาทสมเด็จพระปิยมหาราชนั้น โลกยกย่องพระเกียรติยศว่า ทรงเป็นอัจฉริยมหาบุรุษ ทรงฉลาดรอบรู้อย่างลึกซึ้งในคดีโลกคดีธรรม ทรงสุขุมคัมภีรภาพอย่างยิ่ง ทรงมีญาณพิเศษสามารถวินิจฉัยเหตุผลต้นปลาย ทั้งอดีต ปัจจุบัน อนาคต ได้อย่างถูกต้องถ่องแท้ทุกสิ่งทุกอย่าง ยากที่จะหาบุคคลใดเทียบได้ เพราะฉนั้นพระราชหัตถเลขารับสั่งเล่าเรื่องวัดอัมพวันเจติยาราม ดังกล่าวข้างต้นจึงเป็นเรื่องควรพิจารณาโดยถี่ถ้วน จะทำให้แลเห็นประวัติความเป็นมาของวัดนี้แจ่มชัดขึ้น จะได้ยกมากล่าวใหม่ให้เห็นเป็นตอนๆ
"การซึ่งได้คิดอ่านสืบเสาะหาที่สวนเดิมของสมเด็จพระรูปนั้น จะหาที่ไหนได้ คงจะได้รวมเข้าอยู่ในวัดนี้หมด..."
ความตอนนี้หมายความว่า สวนเดิมของสมเด็จพระรูปฯนั้น รวมอยู่ในวัดวัดนี้ คำว่า สวนเดิม นั้น ย่่อมหมายรวมถึงพระตำหนักเดิมของสมเด็จพระรูปฯด้วย นอกจากนั้นยังทรงหมายถึงว่า จะไม่ใช่เจ้าของเดียวเท่านั้น ยังอาจมีของบรรดาโอรสธิดารวมอยู่อีกส่วนด้วย
"น่าจะเป็นว่าที่เดิมที่สำคัญต้ังพระอุโบสถขึ้นแล้ว..." คำว่าที่เดิมที่สำคัญ นั้นน่าจะทรงหมายพระทัยถึงพระตำหนักเดิมของสมเด็จพระรูปฯ ตั้งอยู่ตรงที่ตั้งพระอุโบสถเดี๋ยวนี้ พระอุโบสถนั้นเป็นหลักสำคัญของวัด เป็นที่นิมิตหมายเป็นที่ทำสังฆกรรมของพระสงฆ์ เป็นที่สวดญัติจุตตถกรรม เป็นที่สวดพระโอวาทปาฎิโมกข์ โบราณย่อมจะถึอว่เป็นที่รองรับศิริมงคลอันสูงสุด การอุทิศที่ให้สร้างพระอุโบสถลงตรงที่ตำหนักเดิมจึงเท่ากับอุทิศถวายที่น้ันแด่พระพุทธเจ้าโดยตรง และถือว่าไม่มีผู้ใดจะมารื้อถอนขับไล่ไปได้อีก ทั้งยังถือว่าเป็นศิริมงคลแก่ตนและวงศ์ตระกูลต่อไปชั่วกัปชั่วกัลป์ด้วย เหตุนี้จึงน่าเชื่อว่าพระตำหนักเดิมของสมเด็จพระรูปฯ นั้นอยู่ตรงที่สร้างพระอุโบสถเดี๋ยวนี้
"ทรวงทรงพระอุโบสถ เป็นแบบอย่างแผ่นดินพระพุทธยอดฟ้าเทือกวัดสุวรรณดาราราม..." ความตอนนี้หมายความว่าพระองค์ทรงวินิจฉัยว่า พระอุโบสถวัดอัมพวันเจติยารามสร้างในสมัยรัชกาลที่ ๑ เพราะฝืมือการช่างเหมือนกับวัดสุวรรณดาราราม ซึ่งมีหลักฐานแน่ชัดว่า สร้างในสมัยพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก
"แต่พระประธานเป็นอย่างวัดอรุณ แต่เดี๋ยวนี้ผิดพระเศียร น่าจะมีเหตุแตกพังอย่างไรซ่อมขึ้นไม่เหมือนเก่า..." ความตอนนี้เท่ากับพระองค์ทรงวินิจฉัยว่า พระประธานน้ันซ่อมหรือสร้างใหม่ในรัชกาลที่ ๒ เพราะตามประวัติวัดอรุณราชวรารามนั้น สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีมหาราชทรงบูรณะปฎิสังขรณ์พระอุโบสถหลังเก่า แล้วยังเรียกชื่อว่า วัดแจ้งอยู่ตามเดิม ต่อมาพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยทรงสร้างพระอุโบสถหลังใหม่ขึ้น แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า วัดอรุณราชวราราม คงจะเป็นการสัณนิษฐานที่ไม่เหลือเกินนักที่จะลงความเห็นว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจะโปรดให้นำพระสรีรังคารส่วนหนึ่งของสมเด็จพระรูปฯ มาบรรจุไว้ ในองค์พระประธานในพระอุโบสถวัดอัมพวันฯนี้ พร้อมทั้งให้ช่างปฎิสังขรณ์พระประธานเสียใหม่ แต่ฝืมือช่างที่ทำไว้ไม่เหมือนเดิม ดังที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชวิจารณ์ว่า " น่าจะมีเหตุแตกพังอย่างไร ซ่อมขึ้นไมเหมือนเก่า พระพักตร์เลวกว่าพระองค์ และซ้ำเลวไปกว่าพระสาวกด้วย" พระประธานองค์นี้สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๑ นับเวลาแต่เริ่มรัชกาลที่ ๑ เมื่อพ.ศ. ๒๓๒๕ จนสิ้นรัชกาลที่ ๑ เมื่อพ.ศ. ๒๓๕๒ ก็เป็นเวลาเพียง ๒๗ ปี ถึงแม้จะนับต่อไปจนสิ้นรัชกาลที่ ๒ พ.ศ. ๒๓๖๗ ก็เป็นเวลาเพียง ๔๒ ปีเท่านั้น พระประธานสถิตย์อยู่ในพระอุโบสถ คุ้มแดดคุ้มลมคุ้มฝน ระยะเวลาเพียง ๔๒ ปี จะถึงแก่แตกพังเชียวหรือ
สมเด็จพระรูปฯ นั้นสิ้นพระชนม์ในรัชกาลที่ ๑ เมื่อรัชกาลที่ ๒ พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยซึ่งเป็น "หลานยาย" คงจะได้ทรงจัดการบรรจุพระอัฐิและพระอังคารให้เรียบร้อย และหาที่ไหนก็ไม่เหมาะเท่าบรรจุไว้ในพระอุโบสถวัดอัมพวันเจติยาราม ซึ่งสร้างทับตรงตำหนักเก่าของท่านไว้ คือใต้ฐานพระประธานน้ันเอง แต่ในระหว่างการเจาะฐานเพื่อบรรจุนั้นเอง ก็คงเกิดการกระทบกระเทือน ทำให้องค์พระประธานซึ่งเป็นปูนปั้นน้ันแตกร้าวชำรุดถึงพระเศียร จึงต้องทำการซ่อมใหม่ แต่ฝืมือไม่ดีเหมือนเก่าดังกล่าวแล้ว |
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น